มิจฉาชีพในยุคปัจจุบันได้พัฒนาเทคนิคและวิธีการต่างๆ เพื่อหลอกลวงและทำร้ายผู้คนมากยิ่งขึ้น การรู้เท่าทันและป้องกันตนเองจากมิจฉาชีพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราปลอดภัยจากการตกเป็นเหยื่อของพวกเขา
มิจฉาชีพทางโทรศัพท์มักจะแสร้งทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่รัฐ หรือองค์กรต่างๆ เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวหรือการโอนเงิน
อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน: ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัวเช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร หรือรหัสผ่านทางโทรศัพท์
ตรวจสอบตัวตน: หากมีการโทรเข้ามาโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากองค์กรต่างๆ ควรขอชื่อและหมายเลขโทรศัพท์กลับเพื่อโทรกลับไปตรวจสอบกับหมายเลขที่เป็นทางการขององค์กรนั้น
ระวังการข่มขู่: มิจฉาชีพมักจะใช้วิธีการข่มขู่เพื่อให้เหยื่อตกใจและให้ข้อมูลหรือโอนเงิน ควรระงับอารมณ์และตรวจสอบข้อมูลก่อนเสมอ
ตรวจสอบ URL: เมื่อเข้าเว็บไซต์ควรตรวจสอบ URL ว่าเป็นของแท้หรือไม่ โดยดูจากการใช้ HTTPS และชื่อโดเมนที่ถูกต้อง
ระวังการดาวน์โหลด: ไม่ควรดาวน์โหลดไฟล์หรือแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
อัพเดตซอฟต์แวร์: ควรอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการและโปรแกรมต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อป้องกันการโจมตีจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์
ตรวจสอบโปรไฟล์: หากมีการติดต่อจากโปรไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ควรตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเช่น การดูประวัติและกิจกรรมในโปรไฟล์นั้นๆ
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว: ควรตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในโซเชียลมีเดียให้สูงสุดเพื่อป้องกันมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว
ระวังการแชร์ข้อมูล: ไม่ควรแชร์ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินในโซเชียลมีเดีย
ตรวจสอบแหล่งที่มา: หากได้รับจดหมายหรือแพ็กเกจที่ไม่น่าเชื่อถือ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนที่จะดำเนินการใดๆ
อย่าเปิดเผยข้อมูล: ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินในจดหมายหรือแพ็กเกจที่ไม่ได้ร้องขอ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ: สายด่วน 191 หรือเว็บไซต์ www.royalthaipolice.go.th
ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค: โทร 1166 หรือเว็บไซต์ www.ocpb.go.th
ธนาคาร: หากมีการหลอกลวงทางการเงิน ควรติดต่อธนาคารทันทีเพื่อระงับธุรกรรมที่ไม่พึงประสงค์